วันอาทิตย์ที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2555

การกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์

สปายแวร์ Spyware
สปายแวร์ คือ โปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่บันทึก การกระทำของผู้ใช้บนเครื่องคอมพิวเตอร์
และส่งเข้าทางอินเทอร์เน็ตโดยที่ผู้ใช้ไม่ทราบ
หลักการทำงาน คือ การแทรกตัวเองไปกับระบบปฏิบัติการ แม้ว่าคอมพิวเตอร์กำลังประมวลผลอยู่ก็ตาม
อาการที่เกิดขึ้น คือ Desktop จะมีการเปลี่ยนแปลง และ ไม่สามารถลบหรือเปลี่ยนแปลง Icon บนหน้า  Desktop ได้ หรือเครื่องคอมพิวเตอร์กำลังใช่งานอยู่อาจจะ  Restart เองก็ได้ แต่ถ้าอาการหนักมากไปกว่านั้นก็คือไม่สามารถเข้าสู้ Windows ได้เลย 
วิธีแก้ไข สปายแวร์ 
1 .Update Windows ให้ทันสมัย เพราะ Microsoft มักจะมีการพัฒนาและลดปัญหาช่องโหว่ของ Windows ด้วยการ update patch โปรแกรมใหม่ๆ ทำให้ช่วยแก้ไขหรือลดปัญหาไวรัสได้อย่างมาก    2. Update Antivirus โปรแกรมให้ทันสมัย เพื่อให้สามารถตรวจสอบ กำจัด และป้องกันไวรัสได้ดีขึ้น ต้องอัปเดทสมำเสมอ บางค่ายมีการอัปเดทเกือบทุกๆ วันเลยทีเดียว
3. รันโปรแกรมสแกนไวรัส แบบ Full Scan เพื่อตรวจสอบและกำจัดไวรัส
วิธีป้องกัน คือ  
1. ไม่ควรคลิ้กลิ้งบนหน้าต่างเล็กๆ ที่ปรากฏขึ้นมาอัตโนมัติหรือโฆษณาที่ป๊อบอัพขึ้นมา เพราะป๊อบอัพเหล่านั้นมักจะมีตัวสปายแวร์อยู่
2. ควรเลือกตอบ "No" ทุกครั้งที่มีคำถาม ถามขึ้นมาจากป๊อบอัพ
3. ควรระมัดระวังอย่างมากในการดาวน์โหลดซอฟต์แวร์ที่จัดให้ดาวน์โหลดฟรี และ ไม่ควรจะดาวน์โหลด เครื่องมือจากเว็บไซต์ที่ไม่น่าเชื่อถือ
4. ไม่ควรติดตามอีเมล์ลิ้งที่ให้ข้อมูลว่ามีการเสนอซอฟต์แวร์ป้องกันสปายแวร์ เพราะว่าข้อมูลที่่มีการเสนอซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัส อันที่จริงแล้วอาจจะนำไปสู่แนวทางการติดตั้งสปายแวร์โดย อนุญาตให้สปายแวร์เข้ามาดำเนินการติดตั้งในเครื่องโดย ไม่ถูกขัดขวาง

 สนิฟเฟอร์  Sniffer
สนิฟเฟอร์ คือ โปรแกรมที่เอาไว้ดักจับข้อมูล ในระบบNetwork คอมพิวเตอร์เป็นระบบการสื่อสารที่ใช้ร่วมกัน การดักจับข้อมูลที่ผ่านไปมาระหว่าง Network เรียกว่า sniffing คล้ายๆ การดักฟังโทรศัพท์ แต่การดักฟังโทรศัพท์จะทำได้ทีละเครื่อง แต่ sniffer ทำได้ทีเดียวทั้ง network เลย 
หลักการทำงาน คือ เป็นโปรแกรมวิเคราะห์ network โดยอาศัยการดักอ่านข้อมูล มันถูกสร้างมาเพื่อการป้องกัน  เอามาใช้ในการตรวจ ระบบ network 
วิธีป้องกัน คือ 
1. อย่างแรกเลยคือการเปลี่ยนจาก Hub มาใช้ Switch
2. หลีกเลี่ยงการส่งข้อมูลที่ไม่มีการเข้ารหัส
3. ให้ตระหนักว่า ใน network นั้นสามารถถูกดักอ่านได้เสมอ
4. หากมีการใช้บริการเกี่ยวกับการเงิน หรือข้อมูลรหัสผ่าน ให้เลือกใช้ผู้บริการที่เข้ารหัสข้อมูลด้วย SSL
5. การเพิ่มความปลอดภัยของการส่งข้อมูลด้วยการเข้ารหัส
6. การสื่อสารข้อมูลภายในองค์กรโดยผ่านอินเทอร์เน็ต โดยการนำเทคโนโลยีของ VPN (Vitual Private Network) มาใช้จะช่วยเพิ่มความปลอดภัยได้

ฟิชชิ่ง Phishing

ฟิชชิ่ง คือ การหลอกลวงผู้ที่ใช้คอมพิวเตอร์ให้เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลหรือข้อมูลทางการเงินผ่านทางข้อความอีเมล หรือเว็บไซต์ปลอม  
วิธีแก้ไขคือ
1.ในกรณีที่เป็นข้อมูลสำคัญขององค์กร ผู้เสียหายควรแจ้งเรื่องไปยังบุคคลที่เหมาะสมรวมทั้งผู้ดูแลระบบ
2.ในกรณีที่เป็นข้อมูลบัญชีธนาคาร ผู้เสียหายควรแจ้งเรื่องไปยังธนาคารที่ใช้บริการ และทำการปิดบัญชีที่คาดว่าสามารถถูกขโมยได้
 3.ทำการเปลี่ยนรหัสผ่าน 
วิธีป้องกันคือ
1.ไม่ เปิดลิงก์ที่แนบมาในอีเมล เนื่องจากมีโอกาสสูงที่จะถูกหลอกลวง เพราะบางครั้งลิงก์ที่มองเห็นในอีเมลว่าเป็นเว็บไซต์ของธนาคาร แต่เมื่อคลิกไปแล้วอาจจะไปที่เว็บไซต์ปลอมที่เตรียมไว้ก็เป็นได้
2.ระวังอีเมลที่ขอให้กรอกข้อมูลส่วนบุคคล โดยเฉพาะหากเป็นอีเมลที่มาจากสถาบันการเงิน
3.ลบอีเมลน่าสงสัยออกไป เพื่อไม่ให้พลั้งเผลอกดเปิดครั้งถัดไป

การสแปมSpaming

สแปม คือ การส่งข้อความที่ผู้รับไม่ได้ร้องขอ ทำให้เกิดความไม่พอใจต่อผู้รับข้อความพบเห็นได้บ่อยจาก การส่งสแปมผ่านทางอีเมล ในการโฆษณาชวนเชื่อ หรือโฆษณาขายของ โดยที่เราไม่รู้เลยว่า ผู้ที่ส่งมาให้นั้นเป็นใคร 
วิธีป้องกัน คือ 
1. ใช้ outlook ในการกรองอีเมล์สแปม
2. หลีกเลี่ยงการตอบอีเมล์สแปม
3. ไม่ควรใช้อีเมล์แอดเดรสที่ใช้ในองค์กร ในการลงทะเบียนใดๆ บนอินเตอร์เนต 
4. ถ้าคุณเป็นผู้ดูแลระบบคุณอาจจะต้องกำหนดให้ผู้ใช้เครือข่ายของคุณใช้กฎการป้องกันอีเมล์  
5. หากคุณมี เว็บไซต์ เป็นของตัวเอง ไม่ควรใส่อีเมล์แอดเดรสหลักที่คุณใช้ในองค์กรลงบน เว็บไซต์
6. หากต้องใช้อีเมล์แอดเดรสในการลงทะเบียน เว็บไซต์ ใดๆให้อ่าน privacy policy ให้ละเอียด
7. ลบข้อมูลของคุณจาก profile ต่างๆที่อาจค้นเจอได้โดยทางอินเตอร์เน็ต 
8. ไม่ควรส่งต่ออีเมล์ประเภท chain e-mail หรือ forward mail 

ไวรัส Virus
ไวรัส คือ โปรแกรมคอมพิวเตอร์ คำสั่งระบบปฏิบัติการตามเท่าที่โปรแกรมถูกเขียนขึ้นมาเพื่อการ ใดการหนึ่งทั้งที่มีประโยนช์ทางการทำงานตามผู้เขียนโปรแกรมนั้นขึ้นมา มี ความสามารถในการสำเนาตัวเองเข้าไปติดอยู่ในระบบคอมพิวเตอร์ได้และถ้ามีโอกาส ก็สามารถแทรกเข้าไประบาดในระบบคอมพิวเตอร์อื่นๆ ซึ่งอาจเกิดจากการนำเอาดิสก์ที่ติดไวรัสเครื่องหนึ่งไปใช้อีกเครื่องหนึ่ง หรืออาจผ่านระบบเครื่อข่ายหรือระบบสื่อสารข้อมูลไวรัสก็อาจแพร่ระบาดได้เช่นกัน
อาการที่เกิดขึ้น คือ
 1. เนื้อที่ในฮาร์ดดิสก์ลดลงโดยไม่ทราบสาเหตุ โดยไม่ได้ลงโปรแกรม หรือนำข้อมูลมาลง
 2. วินโดวส์แสดงไดอะล็อกบ็อกซ์ข้อความโดยไม่ทราบสาเหตุ หรือมีโปรแกรมบางตัวทำงานโดยที่ไม่ได้สั่ง
 3. คอมพิวเตอร์ทำงานช้า อืดผิดปกติทั้งๆที่ไม่ได้ใช้โปรแกรมอะไร
 4. ไฟล์ข้อมูลมีขนาดใหญ่ขึ้นมาก ทุกครั้งที่ใช้งาน 
 5. เปิดหรือการโหลด เข้าใช้งานโปรแกรมเข้าสู่หน่วยความจำใช้เวลานานขึ้น
 6. เครื่องคอมพิวเตอร์เกิดอาการแฮงค์ (Hang) โดยไม่ทราบสาเหตุ อยู่ดีๆโปรแกรมก็ปิดเอง 
 7. เปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ไม่ได้ บูตเครื่องจากฮาร์ดดิสก์ไม่ได้
 8. เปิดไฟล์เอกสารไม่ได้ทั้งๆที่เคยเปิดอยู่ทุกวัน หรือเปิดได้แต่เป็นตัวอักษรประหลาดๆ ปนมาด้วย
 9. เครื่องคอมพิวเตอร์มีการกระทำที่แปลกๆ สุดแต่ผู้เขียนโปรแกรมไวรัสจะกำหนดมา เช่น อาจส่ง  เสียง พิสดารต่างๆ หรือกดอักษร A หนึ่งครั้ง ก็แสดงอักษร A ออกมาได้หลายสิบตัว
 10. เปิดเล่น โปรแกรม IE, Mozilla Firefox เข้าเว็บ สแกนไวรัส.com แล้วมีข้อความโฆษณาหรือข้อความแปลกๆขึ้นที่หน้าจอ
 11. โปรแกรมป้องกันไวรัสไม่สามารถเปิดได้ หรือเปิดโปรแกรมต่างๆ ไม่ได้ อยู่ดีๆโปรแกรมที่ใช้ทุกวันก็หายไป
 12. เครื่องมีการรีสตาร์ทหรือปิดเองขณะใช้งาน หรือไม่สามารถบูตเข้าวินโดวส์ได้
 13. ฮาร์ดดิสก์ หรือ CPU ทำงานมากอย่างผิดสังเกต หรือไฟแสดงการทำงานของอุปกรณ์เครือข่าย (เช่น Broadband Modem, Hub, Switch) ติดตลอดเวลา โดยที่ท่านไม่ได้ใช้งานอะไรเป็นพิเศษ
 14. มีไฟล์ต่างๆ เช่น Autorun.inf หรือไฟล์นามสกุล .vbs ในไดรฟ์ต่างๆ โดยที่ไม่ได้สร้างขึ้น
 15. ข้อความที่ปกติไม่ค่อยได้เห็นกลับถูกแสดงขึ้นมาบ่อย ๆ
 16. เกิดอักษรหรือข้อความประหลาดบนหน้าจอ
 17. แป้นพิมพ์ทำงานผิดปกติหรือไม่ทำงานเลย
 18. ไฟล์ข้อมูลหรือโปรแกรมที่เคยใช้อยู่ ๆ ก็หายไป
 19. อาการของการติดไวรัสนั้นยังมีอีกมากมาย ขึ้นอยู่กันชนิดของไวรัสด้วยโดยทางสแกนไวรัส.com ขอเสนออาการที่ท่านสามารถสังเกตได้โดยง่ายเท่านั้น แต่ความเข้าใจผิดบางอย่างก็อย่าไปเข้าใจว่าเป็นอาการของไวรัสทั้งหมดนะครับ
วิธีป้องกันไวรัส คือ 
1. ควรติดตั้งซอฟแวร์ป้องกันไวรัสที่เชื่อถือได้ และสามารถอัพเดทฐานข้อมูลไวรัสและเครื่องมือได้ตลอด  เพราะจะทำให้สามารถดักจับและจัดการกับไวรัสตัวใหม่ๆ ได้อย่างรวดเร็ว
2. อัพเดทซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัสอย่างสม่ำเสมอ ถ้าเป็นไปได้ควรอัพเดททุกครั้งที่ออนไลน์ เพราะจะมีไวรัสสายพันธุ์ใหม่เกิดขึ้นทุกวัน 
3. อย่าดาวน์โหลดโปรแกรมจากเว็บไซต์ที่ไม่น่าเชื่อถือ
4. ควรสแกนแฟตไดร์ก่อนใช้งานทุกครั้ง เพราะแฟตไดร์เป็นพาหะในการนำข้อมูลจากพีซีเครื่องหนึ่งมาใส่ในอีกเครื่อง

เวิร์มWorm

เวิร์ม คือ โปรแกรมที่ถูกออกแบบมามีลักษณะคล้ายไวรัสเพื่อคัดลอกตัวเองจากคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่ง  ไปยังอีกเครื่องหนึ่งโดยอัตโนมัติ จากการเข้าควบคุมคุณสมบัติบางอย่างของคอมพิวเตอร์ที่ใช้ส่งถ่ายไฟล์หรือข้อมูล
อาการที่เกิดขึ้น คือ
1. เครื่องคอมพิวเตอร์ทำงานช้าลง
2. เครื่องคอมพิวเตอร์ไม่สามารถทำงานได้
3. ไม่สามารถติดต่อระบบเครือข่ายได้
4. ไม่สามารถทำงานในระบบอินเตอร์เน็ตได้
วิธีป้องกัน คือ 
1. ห้ามเปิดเอกสารแนบทางอีเมลที่ส่งจากบุคคลที่คุณไม่รู้จัก
2. ห้ามเปิดเอกสารแนบทางอีเมลที่ส่งจากบุคคลที่คุณรู้จัก นอกเสียจากว่าคุณทราบว่าเอกสารแนบนั้นคืออะไร 
3. ปรับปรุงให้ซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัสของคุณทันสมัยอยู่เสมอ
4.  ปรับปรุงให้ซอฟต์แวร์ Microsoft ของคุณให้ทันสมัยอยู่เสมอ
ม้าโทรจัน Trojan Horse 

ม้าโทรจัน คือ เป็นโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่ดูเหมือนเป็นซอฟต์แวร์ที่มีประโยชน์ แต่ในความเป็นจริง
กลับสร้างความเสียหาย ม้าโทรจันจะแพร่กระจายได้เมื่อผู้ใช้ถูกหลอกให้เปิดโปรแกรมเนื่องจากคิดว่าโปรแกรมดังกล่าวมาจากแหล่งที่มาที่อ้างถึงจริงๆ
หลักการทำงาน คือ
ทำงานคล้ายกับไวรัสแต่ ม้าโทรจันไม่ทำอะไรกับคอมพิวเตอร์  ม้าโทรจันไม่มีคำสั่งหรือพฤติกรรมการทำลายคอมพิวเตอร์เหมือนไวรัส  ม้าโทรจันเหมือนโปรแกรมทั่วไปในคอมพิวเตอร์
การป้องกัน คือ
1.การใช้งานคอมพิวเตอร์ภายในบ้านเมื่อเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตผ่านโมเด็มนั้น เสี่ยงต่อ ม้าโทรจัน
2.ระบบป้องกันสำหรับบ้านที่ดีที่สุดคือ ติดตั้งไฟร์วอลส่วนตัว ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์ติดตั้งในพีซี

Denial of Service (DoS)
 
หลักการทำงาน คือ
ใน การโจมตีแบบ Denial of Service เครื่องคอมพิวเตอร์จะส่งข้อมูลร้องขอไปที่เครื่องเซิร์ฟเวอร์เพื่อเริ่มต้น การติดต่อ แต่แทนที่จะส่งข้อมูลตำแหน่งเครื่องของตนที่ถูกต้อง กลับส่งข้อมูลปลอมไปให้ เมื่อเซิร์ฟเวอร์ได้รับคำร้องแล้วตอบกลับมาตามข้อมูลตำแหน่งปลอม จึงไม่ได้รับคำตอบ
กลับจากเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ขอการติดต่อ
วิธีป้องกัน คือ
1.จัดหาแบนด์วิดธ์ให้มากกว่าความต้องการใช้งานยามปกติ
2.สร้างระบบสำรองท้้งระบบเครื่อข่ายและระบบของเครืองให้บริการ
3.พยายามแยก traffic ให้ออกจากกันให้ได้


วันอังคารที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2555

เพนกวินจักรพรรดิ

ไฟล์:Emperor Penguin Manchot empereur.jpg
เพนกวินจักรพรรดิ 
(อังกฤษ: Emperor Penguin) เป็นเพนกวินที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในบรรดาสปีชีส์ต่างๆ ที่มีถิ่นฐานอยู่ในทวีปแอนตาร์กติกา ตัวผู้และตัวเมียมีสีขนและขนาดใกล้เคียงกัน สูงราว 122 ซม (48 นิ้ว) และหนักระหว่าง 22–37 กิโลกรัม (48–82 ปอนด์) ขนด้านหลังสีดำตัดกันกับขนด้านหน้าตรงบริเวณท้องที่มีสีขาว อกตอนบนสีเหลืองอ่อนและค่อยๆ ไล่ลงมาจนเป็นสีขาว และบริเวณหูเป็นสีเหลืองจัด เพนกวินจักรพรรดิก็เป็นเช่นเดียวกันกับเพนกวินชนิดอื่นที่เป็นนกที่บินไม่ได้ แต่มีรูปร่างที่เพรียวและปีกที่ลู่ตามตัวแต่แข็งแบนเหมือนครีบที่เหมาะกับการเป็นสัตว์น้ำมากกว่าที่จะเป็นนก
อาหารที่บริโภคส่วนใหญ่เป็นปลา และรวมทั้งสัตว์ประเภทกุ้ง-กั้ง-ปู (crustacean) เช่น ตัวเคย และ สัตว์ประเภทเซฟาโลพอดเช่นปลาหมึก เมื่อดำน้ำหาอาหารเพนกวินจักรพรรดิสามารถอยู่ใต้น้ำได้นานถึง 18 นาที และสามารถดำน้ำได้ลึกถึง 535 เมตรเนื่องจากลักษณะหลายอย่างที่ช่วยในการอยู่ใต้น้ำได้นานเช่นโครงสร้างของฮีโมโกลบินที่ ทำให้มีชีวิตอยู่ได้ในบรรยากาศที่มีระดับออกซิเจนต่ำ โครงกระดูกที่แน่นที่ช่วยต้านความกดดันสูง (barotrauma) และความสามารถในการลดการเผาผลาญของร่างกาย (กระบวนการสร้างและสลาย) และการปิดการทำงานอวัยวะที่ไม่จำเป็นได้
เพนกวินจักรพรรดิมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันดีจากการเดินทางราว 50 ถึง 120 กิโลเมตรจากฝั่งทะเลไปยังบริเวณที่ทำการผสมพันธุ์ทุกปีเพื่อที่จะไปหาคู่ ผสมพันธุ์ กกและฟักไข่ และเลี้ยงลูกนกที่เกิดใหม่ และเป็นเพนกวินชนิดเดียวที่ผสมพันธุ์ระหว่างฤดูหนาวแบบอาร์กติก แหล่งผสมพันธุ์อาจจะเป็นบริเวณกว้างใหญ่ที่มีเพนกวินอาศัยอยู่ด้วยกันเป็น พันๆตัว ตัวเมียจะออกไข่ฟองเดียวทิ้งไว้ให้ตัวผู้ยืนกกระหว่างขาเป็นเวลาสองเดือนขณะ ที่ตัวเองเดินกลับไปทะเลเพื่อไปหาอาหารให้ตัวเองและนำกลับมาให้ลูกที่เกิด ใหม่ เมื่อกลับมาทั้งพ่อและแม่ก็จะสลับกันเลี้ยงลูก อายุเฉลี่ยของเพนกวินจักรพรรดิราว 20 ปีและบางตัวอาจจะถึง 50 ปีก็ได้

อาหาร

อาหารที่บริโภคส่วนใหญ่จะเป็นปลา, สัตว์ประเภทกุ้ง-กั้ง-ปู และ เซฟาโลพอดเช่นปลาหมึก แม้ว่าอัตราส่วนของอาหารจะแตกต่างกันไปตามแต่กลุ่มนก แต่ปลาจะเป็นแหล่งอาหารที่สำคัญที่สุด โดยเฉพาะปลาแอนตาร์กติกซิลเวอร์ฟิชที่เป็นอาหารหลัก อาหารอื่นๆ ก็ได้แก่ปลาในตระกูลปลาคอดน้ำแข็ง, ปลาหมึกเกลเชีย และปลาหมึกตะขอหนวดยาว รวมทั้งตัวเคยแอนตาร์กติกาที่มีลักษณะคล้ายกุ้ง เพนกวินจักรพรรดิหาเหยื่อในทะเลของมหาสมุทรใต้ ทั้งในบริเวณที่ไม่มีน้ำแข็ง หรือในบริเวณช่องที่แตกระหว่างน้ำแข็ง วิธีการหาเหยื่อก็โดยการดำลึกลงราว 50 เมตร (164 ฟุต) ซึ่งเป็นระดับที่สามารถมองเห็นเหยื่อเช่น ปลาบอลด์โนโทเธนที่ ว่ายระหว่างด้านใต้ของผิวน้ำแข็ง เพนกวินก็จะว่ายขึ้นไปจับ แล้วก็จะดำลึกลงไปเพื่อพุ่งกลับขึ้นมาอีกครั้ง และจะทำเช่นนี้ราวห้าหกครั้งก่อนที่จะผุดขึ้นมาหายใจครั้งหนึ่ง

ศัตรู

นกสคัวบินเหนือฝูงลูกนกเพนกวิน
ศัตรูของเพนกวินจักรพรรดิก็ได้แก่นกทะเล และสัตว์น้ำที่เลี้ยงลูกด้วยนมที่รวมทั้งนกจมูกหลอดยักษ์ขั้วโลกใต้ที่เป็นนกล่าเหยื่อที่สังหารลูกนกถึงราว 34% ในบางฝูง และนกสคัวขั้วโลกใต้ที่ส่วนใหญ่จะกินลูกนกที่ตายไปแล้ว เพราะลูกนกที่ยังมีชีวิตมีขนาดใหญ่เกินกว่าที่จะโจมตีได้
สัตว์น้ำที่เป็นอันตรายได้แก่แมวน้ำเสือดาวที่ล่าทั้งเพนกวินที่โตเต็มวัยทันทีที่ลงน้ำ และวาฬเพชฌฆาตที่ล่าเพนกวินที่โตเต็มวัยเช่นกัน

เกาะล้านนนน

เกาะล้าน พัทยา 

ข้อมูลเกาะล้านเวลาไปเที่ยวพัทยา จะมีเกาะแห่งหนึ่งที่เป็นที่นิยมมาก ชื่อว่าเกาะล้าน ซึ่งเป็นเกาะที่มีทั้งนักท่องเทียวชาวไทยและชาวต่างชาติไปเที่ยวจำนวนมาก และเป็นเกาะที่อยู่ไม่ไกลจากเมืองพัทยาเท่าไร (ประมาณ 7.5 กิโลเมตร) เราสามารถมองเห็นเกาะได้จากชายหาดพัทยาเลย แต่มีหลายคนถามว่าทำไมต้องไปเกาะล้าน ในเมื่อเราก็สามารถเล่นน้ำทะเลได้ที่พัทยาบีชอยู่แล้ว ซึ่งคำตอบก็คือบรรยากาศและความสวยงามของหาดทรายและน้ำทะเลนั้นต่างกัน เกาะล้านดูน่าเล่นน่าพักผ่อนกว่ามากเลยทีเดียว ที่สำคัญคือเสียค่าเรื่อเพียงแค่ไม่เท่าไรก็สามารถมาเที่ยวเกาะได้แล้วด้วย (ใกล้ ๆ กันกับเกาะล้าน จะมีเกาะครกและเกาะสากอยู่ด้วย)

การมาเที่ยวเกาะล้านนั้นนักท่องเที่ยวสามารถมาได้ทั้งแบบมาเช้าเย็นกลับ (One Day Trip) หรือ พักค้างคืนที่เกาะเพราะว่ามีรีสอร์ทมากมายให้เลือกสรรบนเกาะล้านเลย ซึ่งตรงนี้ก็คงต้องแล้วแต่ว่าอยากเที่ยวแบบไหน บางคนมาพัทยาหลายวันแต่อยากมาเกาะล้านแค่วันเดียวไม่ค้างก็มี เพราะว่าจองที่พักไว้ที่เมืองพัทยาอยู่แล้ว แต่อีกกลุ่มหนึ่งที่อยากมาพักผ่อนสบาย ๆ ก็มักจะนอนค้างบนเกาะลอย ที่สำคัญบนเกาะยังมี 7-11 ไว้สำหรับรองรับนักท่องเที่ยวด้วย เพราะฉะนั้นไม่ต้องห่วงว่าจะหาซื้ออะไรไม่ได้ (แต่ปัจจุบันบนเกาะยังมีแค่เซเว่นเดียวนะ ที่ท่าหน้าบ้าน) ส่วนช่วงกลางวันก็จะมีร้านค้าทั่วไปมากมาย เช่น ร้านเช่ารถมอเตอร์ไซต์ ร้านอาหาร รายชายของฝาก เป็นต้น อีกอย่างนึงที่คิดว่าจำเป็นที่จะต้องรู้ก็คือบนเกาะจะมีตู้ ATM ของธนาคารกสิกรไทยอยู่ด้วย (สองที่คือที่ท่าหน้าบ้าน กับหาดตาแหวน) เพราะงั้นเราก็อาจจะไม่จำเป็นต้องเตรียมพกเงินไปเยอะ แต่ควรจะติดตัวไปเผื่อฉุกเฉินในกรณีตู้ ATM เกิด out of service ขึ้นมา


บนเกาะมีหาดมากมายซึ่งก็มีจุดเด่นแตกต่างกัน แต่ที่เป็นที่นิยมมากที่สุดเป็นหาดตาแหวนที่มีนักท่องเที่ยวมากมายมหาศาลทุก วัน นอกจากนี้บนเกาะยังมีจุดชมวิวจุดหลัก ๆ อยู่สามจุดเอาไว้ให้ไปเที่ยวชม เวลาที่ยังไม่ค่อยอยากเล่นน้ำทะเลด้วย

 

การเดินทางเกาะล้านและที่ฝากรถ

ข้อมูลเกี่ยวกับการเดินทางไปกลับและบนเกาะ ล้าน หากใครกำลังอยากรู้ว่าจะเที่ยวเกาะล้านยังไง ในส่วนนี้จะเหมาะสมที่สุด นอกจากนี้ในส่วนนี้ก็ยังมีข้อมูลเกี่ยวกับที่จอดรถใกล้ ๆ ท่าเรือพัทยาด้วย สรุปแล้วถ้าคุณอยากรู้ตารางเวลาเดินเรือ เที่ยวรอบเกาะยังไง ฝากรถตรงไหน อ่านข้อมูลเพิ่มเติมที่นี่เลย เกาะล้านกับการเดินทาง
 

จุดชมวิวของเกาะล้าน

จุดชมวิวบนเกาะล้านจะมีจุดหลัก ๆ อยู่สามจุด ใครที่อยากมองทิวทัศน์ที่สวยงามจากมุมสูงบนเกาะ หรือมองดูว่าเมืองพัทยาเป็นยังไงถ้ามองจากเกาะล้าน สามารถดูได้ที่จุดชมวิวบนเกาะเลย มันเป็นจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นพื้นที่บนเกาะในมุมกว้าง และสามารถมองเห็นได้แทบจะรอบด้านเลย เมื่อมาถึงแล้วอย่าเพิ่งสนใจแต่น้ำทะเล เพราะจุดชมวิวก็น่าสนใจเหมือนกัน จุดชมวิวเกาะล้าน

ที่พักเกาะล้าน

นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ จะต้องการหาข้อมูลที่พักเวลาไปเที่ยวไหนต่อไหนอยู่แล้ว เกาะล้านเองก็มีที่พักอยู่หลายที่ ซึ่่งการจะเลือกที่พักสักที่ก็มีหลายปัจจัย บางคนอยากได้ติดทะเล บางคนอยากได้แบบบริการดี บางคนอยากได้แบบสงบ เพราะงั้นเราก็ควรเก็บข้อมูลและวางแผนให้ดี เพื่อที่ว่าทริปการมาเที่ยวเกาะล้านนี้จะไเ้ไม่ต้องมีอะไรน่ากังวลใจนั่นเอง ที่พักเกาะล้าน

วันจันทร์ที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2555

หน้าจอคอมพิวเตอร์

จอภาพ หรือ วีดียู  (อังกฤษvisual display unit: VDU) หรือชื่ออื่นเช่น จอคอมพิวเตอร์ จอคอม จอมอนิเตอร์ มอนิเตอร์ จอแสดงผล จอภาพแสดงผล จอภาพแสดงผลคอมพิวเตอร์ จอทีวี จอโทรทัศน์ ฯลฯ คือส่วนหนึ่งของเครื่องใช้ไฟฟ้ที่แสดงรูปภาพให้เห็นจากอุปกรณ์ที่สามารถส่งออกวิดีโอ เช่นคอมพิวเตอร์หรือโทรทัศน์ ซึ่งรูปภาพที่ปรากฏสามารถเปลี่ยนแปลงไปได้และไม่คงอยู่อย่างถาวร จอภาพประกอบด้วยส่วนอุปกรณ์ที่แสดงผลให้เห็น และวงจรอิเล็กทรอนิกส์ภายในที่สร้างรูปภาพจากสัญญาณวิดีโอ อุปกรณ์ที่แสดงผลยุคใหม่จะเป็นจอภาพผลึกเหลวทรานซิสเตอร์แผ่นบาง (thin film transistor liquid crystal display: TFT-LCD) และจอภาพยุคก่อนเป็นหลอดภาพรังสีแคโทด (cathode ray tube: CRT)


ขนาดของจอภาพจะวัดจากมุมหนึ่งของจอ ไปยังอีกมุมหนึ่งในแนวทแยงที่อยู่ตรงข้ามกัน แต่ปัญหาหนึ่งของการวัดแบบนี้คือไม่สามารถแยกแยะได้ว่าจอภาพจะมีอัตราส่วนลักษณะ (aspect ratio) เท่าใด แม้ว่าจะมีขนาดทแยงมุมเท่ากัน เนื่องด้วยข้อเท็จจริงที่ว่ารูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าจะมีพื้นที่น้อยกว่ารูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสเมื่อกำหนดให้เส้นทแยงมุยาวเท่ากัน ตัวอย่างเช่น จอภาพ 21 นิ้วในอัตราส่วน 4:3 มีพื้นที่ประมาณ 211 ตารางนิ้ว ในขณะที่จอภาพไวด์สกรีน 21 นิ้วในอัตราส่วน 16:9 จะมีพื้นที่แสดงผลเพียง 188 ตารางนิ้วเท่านั้น
การวัดด้วยวิธีนี้มาจากโทรทัศน์แบบหลอดภาพชนิดเริ่มแรก เนื่องจากหลอดภาพในสมัยนั้นเป็นรูปวงกลมโดยปกติ เมื่อเอ่ยถึงขนาดของหลอดภาพก็เพียงวัดขนาดของเส้นผ่านศูนย์กลางของรูปวงกลม และเมื่อหลอดภาพวงกลมต้องแสดงภาพเป็นรูปสี่เหลี่ยม การวัดระยะเส้นทแยงมุมของรูปสี่เหลี่ยมก็เทียบเท่ากับการวัดเส้นผ่านศูนย์กลางของหลอดภาพเพื่อให้ภาพเต็มจอพอดี วิธีการนี้ก็ยังใช้กันเรื่อยมาแม้ว่าหลอดภาพจะเปลี่ยนรูปร่างไปเป็นรูปสี่เหลี่ยมโค้งมนแทน
อีกปัญหาหนึ่งคือการวัดขนาดหน่วยแสดงผลของจอภาพโดยตรง ซึ่งเป็นขนาดเพื่อการโฆษณาสินค้าและพบเห็นได้ทั่วไป โดยเฉพาะกับหลอดภาพรังสีแคโทด จะมีหน่วยแสดงผลส่วนหนึ่งซึ่งถูกบดบังตามขอบจอเพื่อซ่อนส่วนที่อยู่นอกพื้นที่ปลอดภัย เรียกว่าโอเวอร์สแกน (overscan) ดังนั้นขนาดที่ได้เห็นจริงจึงมีพื้นที่น้อยว่าขนาดที่โฆษณาอยู่เล็กน้อย ลูกค้าที่ซื้อไปใช้รู้สึกว่าถูกหลอกจึงมีการร้องเรียนอย่างกว้างขวาง และหลายคดีก็ตัดสินว่าให้ผู้ผลิตจอภาพต้องวัดขนาดพื้นที่ที่แสดงผลได้จริง แทนที่จะวัดจากขนาดของหลอดภาพ